ประชากรในไทยมีอยู่ประมาณ 70 ล้านคน ประชากรส่วนใหญ่ล้วนที่อยากจะมีรถยนต์เป็นของตนเอง เพื่อใช้ในการเดินทางไปไหนมาไหนสะดวกสบายมากขึ้น แต่หากพูดกันตามตรง รถยนต์ในประเทศไทยเมื่อเทียบกับอัตราค่าครองชีพแล้ว รถยนต์ถือว่ามีราคาที่ค่อนข้างสูง ยกตัวอย่างง่าย ๆ ให้เห็นเป็นรูปธรรม ดูได้จากตาราง ดังนี้
จากตารางด้านบนนี้เห็นได้ชัดว่า รถยนต์ในประเทศไทย มีราคาแพงทั้ง ๆ ที่มีฐานการผลิตในประเทศ แต่เอาเถอะ นั่นมันเรื่องของภาษีหรือนู่นนี่นั่นบลา ๆ ที่รัฐจะต้องหารายได้เพื่อนำเข้ามาพัฒนาประเทศ ดังนั้น ทางเลือกอีกทางคือ การชื้อรถมือสอง จึงเป็นที่นิยมในประเทศไทย
จากที่เกริ่นนำมาทั้งหมด บทความนี้จะมาเขียนถึงเรื่องราวที่ผู้เขียนได้พบเจอประสบการณ์ทั้งด้านดีและด้านแย่ของการชื้อรถมือสอง ดังนี้
เหตุการณ์ครั้งที่ 1 อยากมีรถตู้ไว้ใช้งานสักคัน
หลายครอบครัวคงมีความฝัน ที่อยากจะไปเที่ยวพร้อมหน้าพร้อมตากัน โดยเดินทางไปด้วยกันด้วยรถตู้สักคันนึง ที่เป็นรถของตัวเอง ใช่ครับ ครอบครัวผมก็คิดเช่นนั้น จึงได้เริ่มมีการหาข้อมูลของรถตู้สักคันที่มีระบบความปลอดภัย นั่งสบายและราคาอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ หลังจาก ที่ได้มีการหาข้อมูลเรียบร้อย จึงได้มติว่าเป็นรถตู้เบนซ์คันนี้ จึงได้มีการโทรนัดกับเซลล์ว่าจะเข้าไปดูสภาพรถในช่วงบ่าย ซึ่งในช่วงบ่ายของวันนั้น ผมได้ไปดูรถที่เต็นท์แห่งหนึ่งย่านถนนพระราม 2 ซึ่งก็ห่างกับที่ทำงานผมพอสมควรนะ ฮ่า ๆ พอไปถึงเต็นท์ ก็มองหา รถคันไหนอยู่ตรงไหนนนน แต่มองยังไงก็ไม่เห็น จึงคิดในแง่ดีว่า สงสัยอยู่ด้านใน แต่แล้วความประทับใจแรก ลงจากรถปุ้บ เซลล์บอกว่า อ๋อ รถเบนซ์ที่ โทรมาใช่ไหมครับ อาม่าใช้ไปชื้อของที่แม็คโครครับ สี่โมงจะเอากลับมาครับ อะ อะไรกันครับเนี่ยยยย ผมโทรนัดไว้แล้วนะครับ เซลล์ตอบผมแบบที่คิดเอาไว้เลยยยย ต้องขอโทษด้วยนะครับ รบกวนช่วยรอได้ไหมครับ (ตอบตามคู่มือเซลล์ชัดๆ) อะ ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมมาใหม่ละกัน
รอบที่ 2 รอบนี้ได้เจอรถแล้ววว ได้ทดลองขับเรียบร้อย ก็เลยมาตรวจจุดที่จะต้องการแก้ไข พบว่าภายในมีอยู่ประมาณ 4 จุด จึงได้แจ้งแก้ไขกับเซลล์และชำระเงินไว้ เพื่อรอให้ทางร้านซ่อมแซมในจุดที่แจ้งไว้และทำความสะอาดรถให้เรียบร้อย
วันรับรถ ใช่ครับ เหตุการณ์ตามที่คิดไว้เลยย บางจุดซ่อมไม่ได้นะครับพี่ ทำไมครับ ขอทราบเหตุผล ตรงจุดนี้ช่างพยายามที่จะแก้ไขแล้ว แต่ไม่สามารถแก้ไขได้จริง ๆ ครับ
เฮ้อออ ช่างมัน นิดหน่อยไม่เป็นไรหรอก หลังจากที่เราตรวจสภาพจุดอื่นแล้ว พบว่าไม่มีอะไรอยู่ในสภาพที่โอเค ก็ทำการเซ็นรับรถและตกลงกันเรื่องโอนรถ โดยทางเต้นท์แจ้งว่าจะดำเนินการโอนให้ภายใน 7 วันแล้วจะส่งเล่มไปให้ตามที่อยู่ที่แจ้งไว้ ทางเราก็โอเค ตกลงเสร็จก็ขับรถกลับบ้านอย่างสบายใจ
เวลาผ่านล่วงเลยไปประมาณ 2 อาทิตย์ มีประกันโทรมาเสนอขาย ทางเราก็เออ ๆ ราคาดีด้วย ซึ่งก่อนที่จะทำประกันภัย นึกขึ้นได้ “เฮ้ยยยยยยย เล่มรถยังไม่ได้เลย” นานแล้วนะ จึงได้ติดต่อกลับไปทางเต็นท์รถ และแล้ว ได้ข้อสรุปว่า “เดี๋ยวผมตามเรื่องให้นะครับพี่ พอดีน้องที่ขายให้ เค้าลาออกไปแล้ว”
ผม: ห๊ะ แบบนี้ก็ได้หรอ แล้วผมจะได้เล่มวันไหนครับ?
เซลล์ใหม่: ประมาณกลางเดือนครับ
ผม: กลางเดือนนี่วันไหนครับ ผมต้องการวันที่แน่นอนครับ
เซลล์ใหม่: ไม่เกินสิ้นเดือนครับ
(เอ้า เลื่อนไปเรื่อยเลยนะ)
ผม: ผมต้องการวันที่แน่นอนครับ ไม่งั้นผมจะได้เอารถไปคืน
เซลล์ใหม่: ได้ครับ ถ้าเกินสิ้นเดือน เอารถมาคืนได้เลยครับ
หลังจากที่ตกลงกันได้ อีก 2 อาทิตย์ต่อมาเล่มรถก็ส่งถึงหน้าบ้าน เย้ กว่าจะเสร็จกระบวนการ (จบภาครถตู้)
เหตุการณ์ครั้งที่ 2 รถตู้ไว้นั่งมีแล้วขาดรถกระบะไว้ใช้งาน
หลังจากที่เคยมีประสบการณ์ในการชื้อรถตู้ไว้ใช้คันนึงแล้ว รอบนี้อย่าหวังว่าจะมีข้อผิดพลาดอะไรเกิดขึ้นอีก เราดักได้หมดแล้ว เข้ามาเล้ยยยยย
จากนั้นผมได้เริ่มหาข้อมูลเรื่อย ๆ จนพบว่ามีรถกระบะฟอร์ดคันนี้สวยนะ ราคาดีด้วย ทุกคนเห็นพ้องตรงกัน รถคันนี้สวยจริง ๆ จึงได้เดินทางเข้าไปดูที่เต็นท์รถแห่งหนึ่งย่านถนนพระราม 2 และได้ทำการต่อรองราคากับเซลล์คนหนึ่งไว้แล้ว และได้บอกว่าอีก 2 วันจะพาพี่มาดูอีกรอบ ถ้าตกลงราคานี้ อีก 2 วันก็ทำสัญญาเลย เซลล์ตอบตกลง แล้วผมจะรอนะครับ
2 วันต่อมา โทรติดต่อกับเซลล์ไม่ติดสักที ทำยังไงก็ไม่รับสาย อืมมม สงสัยวันหยุดเขาแหละมั้ง ไม่เป็นไร เราก็โทรไปเรื่อย ๆ พบว่าเซลล์อีกคนรับแทน แล้วก็นัดเวลาที่จะเข้าไปดูรถ
พอถึงเต็นท์รถ เซลล์ก็พาไปที่รถกระบะคันนั้น แล้วก็ตกลงราคากัน แต่เซลล์บอกว่า รถคันนี้ราคา 629,000 บาทนะครับ ไม่ใช่ 599,000 บาท ซึ่งทางผมก็ยืนยันว่า วันนั้นที่คุยกัน เราตกลงราคากันไว้ที่ 599,000 นะครับ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ซึ่งคำตอบที่ผมได้รับมาช่างประทับใจอย่างมาก “อ๋อ เว็บไซต์มันรวนครับ ราคามันเลยผิดไปหมด” แบบนี้ก็ได้หรอ แล้วทำไมวันก่อนราคานั้นถึงได้ล่ะ อันนี้ผมก็ไม่ทราบจริง ๆ ครับ เซลล์ตอบ งั้นเดี๋ยวผมพาไปคุยกับผู้จัดการนะครับ เผื่อผู้จัดการจะสามารถให้ราคานี้ได้
เซลล์พาเราไปห้องรับรอง ให้นั่งรออยู่สักพักนึง ก็มีผู้ชายรูปร่างท้วม ใส่ทองเส้นหนา ขนาดประมาณ 5 บาทเป็นอย่างน้อย เดินทำหน้าบึ้งตึงคล้ายกับไม่พอใจในสิ่งที่เรายื่นข้อเสนอ เดินเข้ามาคุยด้วย
ผู้จัดการ: สวัสดีครับ ผมจะขออธิบายในส่วนของค่าใช้จ่าย ดังนี้นะครับ
ผม:ไม่ครับ ผมต้องการชื้อรถในราคาที่เคยตกลงไว้ครับ
หลังจากนั้น ผู้จัดการเริ่มมีสีหน้าที่ไม่พอใจเป็นอย่างมาก และได้พูดขึ้นมาว่า “เชิญครับ ไม่เป็นไรครับ ผมขายให้ไม่ได้ เชิญออกเลยครับ” แบบนี้ก็ได้หรอออ พวกผมจึงออกจากเต็นท์รถและทำหน้างง แต่ก็ช่างเถอะ ให้มันผ่านไปสำหรับเต็นท์นี้ที่จะไม่เข้ามาเป็นลูกค้าอีกแน่
ต่อมาก็ได้เริ่มหาข้อมูลเรื่อย ๆ จนได้พบรถกระบะคันหนึ่งที่ราคาโอเค จึงได้เดินทางไปดูรถที่เต็นท์แห่งหนึ่งย่านมีนบุรี ซึ่งก็ได้เดินดูสภาพรถโดยรอบ พบว่าไม่มีปัญหาอะไร จึงได้ทำการต่อรองราคากันเรียบร้อย ทำการจ่ายเงินและรอทางร้านเอารถไปทำความสะอาดและเปลี่ยนถ่ายของเหลวให้ หลังจากนั้นช่วงบ่าย จึงได้เดินทางไปรับรถ พอเดินดูรอบ ๆ อย่างละเอียดอีกครั้งนึง พบว่า ยางรถสภาพไม่ไหวแล้ว ใช่ครับ หลังจากที่ล้างรถ เห็นรอยแตกของยางได้อย่างชัดเจน ซึ่งอันนี้เป็นความผิดพลาดของตัวเองที่ไม่ได้ตรวจสอบอย่างละเอียด ดูแค่ปีผลิตของยาง จึงได้มีการพูดคุยกับเซลล์และขอเปลี่ยนยางใหม่ทั้งหมด ซึ่งในจุดนี้ยอมรับได้เลยว่าเซลล์ที่เต้นท์นี้ พยายามที่จะหาทางแก้ไขให้ลูกค้า โดยมีการติดต่อประสานงานให้เพื่อที่จะขอเปลี่ยนยางเส้นใหม่ให้แก่ลูกค้า ซึ่งก็สามารถขอเปลี่ยนได้ 2 เส้น ผมจึงโอเค ก่อนที่จะเซ็นรับรถ อีกแล้วววว รถไม่มีน้ำมัน จึงได้แจ้งกับเซลล์ว่า ปกติเต็นท์ต้องเติมน้ำมันให้เต็มถังก่อนไม่ใช่หรอ แหมม นิดหน่อยก็เอานะ ประสบการณ์ที่รู้สึกโอเคที่ตอนเปลี่ยนยางเริ่มหายไป ไม่รู้แหละ ถ้าไม่ได้ ผมก็ไม่ขับออกไป เซลล์บอก เดี๋ยวผมโอนตังส่วนตัวให้พี่เลยครับ พี่จะได้ขับไปเติมครับ ก็ตามนั้น แต่นึกในใจ ถ้าไม่ขอนี่คงเสียสิทธิ์ตรงนี้ไปใช่ไหม แต่เอาเถอะ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว ตรวจรถเรียบร้อย ไม่มีอะไรต้องแก้ไขเพิ่มเติม ก็เซ็นรับรถและตกลงวันโอนรถภายในไม่เกิน 7 วัน จะส่งเล่มทะเบียนให้นะครับ ทางเราก็ตกลงตามนั้น แล้วขับรถขึ้นไปยังจังหวัดเชียงรายโดยทันที
สามวันให้หลัง โทรศัพท์จากเซลล์โทรมา นึกว่าจะโทรมา สอบถามว่ารถใช้ดีไหม อ๋อเปล่า แล้วเค้าโทรมาทำไมล่ะ
ถ้าอยากรู้ ลองอ่านบทสนทนาต่อไปนี้กันดูนะ
เซลล์: สวัสดีครับ ผมมีเรื่องจะรบกวนครับ ไม่ทราบว่าสะดวกเอารถเข้ามาที่เต็นท์ไหมครับ
ผม: ไม่สะดวกแล้วครับ รถอยู่ที่เชียงรายแล้วครับ มีอะไรหรือเปล่าครับ
เซลล์: ผมลืมขูดเลขตัวถังรถครับ ไม่สามารถโอนเล่มให้ได้ครับ ทำยังไงดี
ผม: มีเครือข่ายอยู่ที่เชียงรายไหม ให้ส่ง เจ้าหน้าที่มาขูดเลขตัวถังรถได้ เดี๋ยวผมส่งโลเคชั่นให้
เซลล์: ไม่มีคนรู้จักเลยครับ ขอรบกวนพี่ช่วยขูดเลขตัวถังรถแล้วส่งมาให้หน่อยได้ไหมครับ
ผม: อืมมม ได้ ๆ แล้วผมต้องทำยังไง ใช้เทปกระดาษแล้วใช้ดินสอขูดถูกต้องไหมครับ
เซลล์: ใช่ครับ ใช้ เทปกระดาษอะไรก็ได้ ครับ 6 ชุดนะครับ
หลังจากที่ขูดเสร็จ ส่งเคอรี่ไปกรุงเทพฯ ใช้เวลาโดยประมาณ 2 วันทำการ เลขตัวถังที่ขูดให้กับเซลล์ก็ไปถึงที่เต็นท์ และก็รอให้ทางเต็นท์ ดำเนินการโอนเล่มรถ
เสียงโทรศัพท์ได้ดังขึ้น คงคิดกันสินะว่าเซลล์จะโทรมาแจ้งว่า ได้รับเรียบร้อย กำลังจะดำเนินการให้นะครับ แต่เปล่าครับบบ
เซลล์: พี่ครับ เทปกระดาษอันนี้ไม่สามารถใช้ได้นะครับ ทางขนส่งต้องใช้เป็นเทปกระดาษของ Nitto ครับ เดี๋ยวผมส่งเทปให้นะครับ
ผม: อ่าววว ไหนบอกว่าใช้เทปอะไรก็ได้ แล้วเมื่อไหร่ผมถึงจะได้เล่มรถ
เซลล์: ต้องขอโทษอย่างมากเลยนะครับ เดี๋ยวทางผมจะส่งเทปไปให้แล้วรบกวนพี่ช่วยขูดเลขตัวถังกลับมาให้หน่อยนะครับ แล้วจะรีบดำเนินการโอนเล่มให้ครับ
อะเค ตามนั้น ทำอะไรไม่ได้อยู่แล้วนี่ ส่งไปส่งกลับ ประมาณ 2-3 รอบ โดยกระบวนการนี้ใช้เวลากว่าจะได้เล่มทะเบียนรถที่โอนเสร็จแล้ว ประมาณ 2 อาทิตย์
ดังนั้น จากที่เล่ามาทั้งหมด เป็นเหตุการณ์จริงที่ทางผู้เขียนอยากจะเล่าประสบการณ์ในการชื้อรถมือสองสักคันให้แก่ผู้ที่กำลังต้องการที่จะหารถมือสองมาใช้สักคัน โดยจะสรุปสิ่งที่ต้องตรวจสอบและสิ่งที่สามารถป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นได้ไว้ด้านล่างนี้ ดังนี้
สิ่งที่ต้องตรวจสอบโดยละเอียดก่อนชื้อรถมือสอง
1. สภาพภายนอกตัวถังรถตรวจสอบว่ามีรอยบุบหรือไม่ ผ่านการทำสีมาใหม่หรือไม่ ในกรณีที่เป็นรถใหม่อายุไม่เกิน 5 ปี หากพบว่ามีการทำสีมา ให้สันนิษฐานไว้ก่อนเลยว่า รถคันนี้อาจเคยถูกเฉี่ยวหรือชนมา ซึ่งสภาพภายนอกรถอีกอย่างที่ควรจะตรวจสอบ คือ ระบบช่วงล่าง ให้การตรวจสอบช่วงล่างของรถ ในบางเต็นท์อาจเป็นเรื่องยากนิดนึง เนื่องจากว่าจะต้องมีการยกรถเพื่อตรวจสอบ แต่ถ้าหากสามารถทำได้ สิ่งที่ต้องดูให้ละเอียดเลยคือ ยางรถยนต์ ว่ามีรอยแตกร้าวหรือไม่ โช้คอัพ บูชลูกยางต่าง ๆ ว่ามีความแน่น หรือมีคราบน้ำมันซึมออกมาหรือไม่
2. เครื่องยนต์ให้ตรวจสอบเลขเครื่องยนต์ว่าตรงกับเล่มรถหรือไม่ ตรวจสอบเสียงเครื่องยนต์ว่ามีความผิดปกติหรือไม่ มีคราบน้ำมันหรือคราบน้ำบริเวณตัวเครื่องหรือไม่ รอบเดินเบาหรือรอบสูงมีความไหลลื่น เครื่องยนต์ไม่สั่น เป็นต้น
3. โครงสร้างตัวถังให้ก้มดูแซดซีของตัวรถ ว่าตรงตามโครงสร้างรถ ไม่คดงอ หักหรือเบี้ยว หรือมีรอยผ่านการตัดต่อตัวถังมาหรือไม่ ถ้ามีแสดงว่ารถคันนี้เคยถูกชนหนักมาแล้วอย่างแน่นอน
4. เอกสารประจำรถยนต์ต้องครบถ้วน โดยเฉพาะสิ่งที่สำคัญที่สุด สมุดคู่มือการจดทะเบียน สมุดบันทึกการเข้ารับการซ่อมบำรุง พรบ.เอกสารประกันภัย เป็นต้น
สิ่งที่ท่านอาจพบเจอในการชื้อรถมือสอง
1. ถ้าคุณเป็นคนที่ดูรถไม่เป็น ควรจะพาช่างหรือคนที่ดูรถเป็นไปด้วย เนื่องจากว่าหากดูไม่เป็น เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่ารถคันนั้นเคยถูกดัดแปลงหรือย้อมแมวมาหรือไม่ หากคุณได้รถที่มีปัญหามานั่นหมายความว่า คุณอาจจะต้องเสียเงินค่าซ่อมมากกว่าค่าตัวรถที่ชื้อมาเลยก็ได้ แต่อย่างที่บอก ไม่ใช่ทุกเต็นท์หรือทุกคันที่ชื้อมาแล้วจะมีปัญหา ดังนั้น ก่อนจะชื้อรถ ควรตรวจสอบให้เรียบร้อยก่อน อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจ
2. ชื้อรถมือสองบางทีราคาไม่ได้ถูก เนื่องจากว่ารถมือสองนั้น จะต้องมีภาษีมูลค่าเพิ่มอีก 7% จากราคาตัวรถ และหากในกรณีที่ท่านไม่ได้ชื้อเป็นเงินสด ดอกเบี้ยของไฟแนนซ์ ในการชื้อรถมือสองจะมีอัตราที่สูงกว่าการชื้อรถมือหนึ่งมาก และในบางเต็นท์ หรือ ไฟแนนซ์ จะชอบบังคับให้ทำประกันภัยโดยที่บวกเพิ่มไปในงบที่จะต้องผ่อนรถอีกทางหนึ่งด้วย
3. รถผู้บริหารไมล์น้อย หรือ รถประจำตำแหน่งในสำนักงาน คำพูดพวกนี้คิดว่าส่วนใหญ่คงจะเคยเห็นหรือได้ยินมาบ้าง ซึ่งรถพวกนี้หากได้รับการดูแลบำรุงรักษาสภาพอย่างดี จะถือว่าเป็นรถที่คุ้มค่ามากในการชื้อมาใช้ต่อ แต่สำหรับบางคัน ถ้าไม่ได้มีการดูแลรักษาที่ดีเท่าที่ควร หรือใช้งานหลายคน อันนี้ให้ทำใจไว้ก่อนเลยว่า คุณอาจจะได้รถใหม่จริง แต่สภาพภายในเครื่องยนต์บางตัวอาจจะกำลังจะหมดอายุการใช้งาน
4. การกรอไมล์ ในหัวข้อนี้ปฏิเสธไม่ได้เลยสำหรับเรื่องนี้ ส่วนใหญ่มักจะมีการกรอไมล์ เพื่อให้ดูว่ารถคันนี้วิ่งน้อย ผ่านการใช้งานยังไม่เยอะ แล้วทีนี้ เราจะรู้ได้อย่างไรว่ารถคันนี้มีการกรอไมล์เกิดขึ้น สามารถตรวจสอบและสังเกตได้ ดังนี้
ก. ตรวจสอบจาก Book Service วิธีการตรวจสอบนี้เป็นวิธีที่ง่ายที่สุด เนื่องจากว่าเมื่อรถเข้าศูนย์บริการ จะมีการบันทึกข้อมูลทุกครั้ง ดังนั้น ถ้ากลัวที่จะถูกเต็นท์หลอกหรือไม่อยากโดนกรอไมล์ ให้ลองขอ Book Service จากทางผู้ขายเพื่อตรวจสอบก่อนทุกครั้ง
ข. ดูจากสภาพรถภายในและภายนอก ในกรณีนี้ถ้าไม่สามารถขอดูหรือไม่มี Book Service ให้ดู ให้ทำการเปรียบเทียบจากสภาพรถเป็นตัวอ้างอิงได้ แต่ในกรณีนี้ต้องใช้ความชำนาญพอสมควร ดังนั้น หากคุณไม่มีความเชี่ยวชาญ ควรพาช่างหรือผู้ที่ดูรถเป็นไปด้วย
ค. หาค่าเฉลี่ยโดยอ้างอิงจากรถ 1 คันนั้นจะวิ่งประมาณ 20,000 กิโลเมตรต่อปี โดยค่าเฉลี่ยนี้เป็นค่าเฉลี่ยจากค่ายรถยนต์นำรายละเอียดมาจากผู้ขับขี่ที่มีการนำรถยนต์เข้าศูนย์บริการดังนั้นผู้ที่สนใจสามารถนำตัวเลขนี้ในการใช้อ้างอิงเลขไมล์ของตัวรถได้