EP. 1: Waking Up Early
คุณเคยมีความคิดที่อยากลองเปลี่ยนอะไรบางอย่างในชีวิตไหม? ฉันเชื่อว่าทุกคนส่วนใหญ่เคยมีความคิดนี้ผุดขึ้นในหัวว่า จะเก็บเงิน จะออกกำลังกาย จะลดน้ำหนัก และทำมันได้แค่ 1-2 วัน… ฉันก็เป็นหนึ่งในนั้น 555T_T (ในเลข 5 มีน้ำตาซ่อนอยู่) ฉันใช้คำว่าพยายามมาหลายครั้งที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเองให้ดีขึ้น แต่ฉันไม่เคยถามตัวเองสักครั้ง หากเปลี่ยนจะได้อะไร และทำไมฉันถึงอยากจะเปลี่ยน พูดได้เลยว่าฉันไม่เคยประสบความสำเร็จเลยสักครั้งในการเปลี่ยนตัวเอง เป็นเพราะฉันยังใส่ใจไม่มากพอหรือ? ถ้าฉันใส่ใจจริง ๆ ฉันจะทำสำเร็จหรือ? ฉันไม่เคยคิดหาคำตอบและไม่เคยตอบตัวเองได้เลย ฉันเอาแต่โทษสิ่งรอบตัวที่ทำให้ไม่สามารถผ่านจุดนี้ไปได้
จนวันนึง คำตอบนั้นได้เดินทางมาถึงฉันในที่สุด คำตอบที่ฉันได้รับเป็น “คำถาม” คุณไม่เข้าใจใช่ไหม?
คุณลองกลับมาย้อนจุดเริ่มต้นของคำตอบกันสักนิด หากไม่มีคำถาม เราจะมีคำตอบหรือ? เมื่อได้ฟังเช่นนั้น ฉันกลับมาถามตัวเองว่า ฉันอยากเปลี่ยนแปลงตัวเองไปเพื่ออะไร?ดูเหมือนในตอนนั้นฉันตั้งเป้าหมายที่กว้างเกินไป จนไม่รู้ว่า วิธีการปฏิบัตินั้นต้องทำอย่างไร ในช่วงเวลาของความสับสน พระเจ้าในคราบมนุษย์ก็ปรากฏต่อหน้าฉัน และบอกว่า
“คุณอยากเริ่มต้นเปลี่ยนอะไรจากสิ่งที่ง่ายที่สุด และคุณสามารถวัดผลได้”
ฉันตอบ “อยากตื่นนอนเวลา 05.30 น. ได้ค่ะ!”
พระเจ้าถาม “คุณต้องการตื่นเช้าไปเพื่ออะไร?”
ฉันตอบ “ฉันอยากให้เวลากับตัวเอง ก่อนไปทำงาน”
จากนั้น พระเจ้าให้คำแนะนำให้ใช้เวลา 1 เดือน เพื่อที่จะนอนตื่นเช้า และหากเมื่อไหร่ที่ฉันไม่ได้ตื่นเช้าในวันนั้น ฉันจะต้องถูกปรับเงินวันละ 100 บาทให้กับส่วนกลางที่ทำงาน พระเจ้าบอกฉันว่าในการเปลี่ยนแปลงอะไรก็ตาม ฉันจะต้องมีผู้ช่วยที่คอยติดตาม และช่วยเตือนให้ฉันทำสำเร็จ บุคคลนั้นก็คือ เพื่อนร่วมงานของฉันนั่นเอง
เอาล่ะ ฉันเริ่มต้นที่จะตื่นเช้าในเดือน กรกฎาคม 2564วันแรกฉันตั้งนาฬิกาปลุกที่เวลา 05.30 น. และฉันสามารถตื่นมาเพื่อทำกิจวัตรประจำวันได้สำเร็จ ฉันมีเวลามากพอที่จะกินข้าว เวลาเหลือเฟือมากเลยล่ะ เมื่อฉันทำอะไรเสร็จ ฉันก็ไปที่ทำงานโดยไม่ต้องรอให้ถึงเวลาเข้างาน
วันที่สองของการตื่น 05.30 น. ฉันเริ่มอิดออดที่จะลุกจากที่นอน ฉันพยายามพาตัวเองให้เอาชนะความขี้เกียจนี้ แต่วันนี้ไม่เหมือนวันแรก กระเพาะดันเกิดภาวะปั่นป่วน เนื่องจากปกติฉันจะกินข้าวเวลาแปดโมงเช้า แต่ในตอนนี้ฉันกินข้าวเวลา หกโมงเช้า มันจึงทำให้ฉันมีช่วงเวลาที่ลำบากระหว่างปรับตัว ฉันใช้เวลา 1 สัปดาห์เพื่อปรับเวลาในการกินข้าว จนตอนนี้ฉันไม่มีปัญหาอีกแล้ว และฉันก็ได้เพื่อนร่วมงานคอยถามไถ่ทุกวันว่า “วันนี้คุณตื่นกี่โมง?”
วันต่อ ๆ มา ฉันเข้าใจแล้วว่า ถ้าฉันอยากตื่นเช้า ฉันควรนอนให้เร็ว ดังนั้น ฉันจึงพยายามพาร่างกายตัวเองไปอยู่บนที่นอนในเวลา 21.00 น. ทุก ๆ วัน เพราะเมื่อนับไปจนถึงเวลาตื่นนอน ฉันจะมีเวลาพักผ่อนราว ๆ 8 ชั่วโมง ซึ่งเป็นเวลาที่เพียงพอต่อร่างกายฉัน
เมื่อได้มาคิดไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน การเปลี่ยนแปลงอะไรก็ตามจะมีผลกระทบต่อเนื่องกันไปเป็นทอด ๆ ยกตัวอย่างเช่น คุณเริ่มออกกำลังกาย ในช่วงเวลา 1-2 วันแรก คุณจะมีอาการปวด เมื่อย ตามร่างกาย ทำให้คุณบางคนล้มเลิกที่จะออกกำลังกายอีก แต่คุณทราบใช่ไหม ถ้าคุณต้องการให้อาการเหล่านี้หายไป คุณจำเป็นต้องทำประจำ เพื่อให้ร่างกายของคุณค่อย ๆ ปรับตัวและเกิดความเคยชิน
ครบ 1 เดือนแล้วที่ฉันตื่นนอนเวลา 05.30 น. ฉันถูกปรับทั้งหมด 200 บาท นั่นหมายถึง มีสองวันที่ฉันไม่ยอมตื่นมาตอนเช้า มองว่าเป็นสัญญาณที่ดีที่ทำให้รู้ว่า ฉันทำได้ เริ่มต้นจากสิ่งเล็ก ๆ ค่อย ๆ ปรับและเปลี่ยนให้เหมาะสมกับตัวเองที่สุด และวิธีที่ฉันใช้กับตัวเองคือ 1) ตั้งเป้าหมาย คือ การตื่นนอนเวลา 05.30 น. 2) แผนปฏิบัติ คือ นอนเร็วขึ้น เพื่อเวลาพักผ่อนที่เพียงพอ 3) วัดผล คือ วัดจากเงินที่ถูกปรับ
“แล้วคุณพร้อมที่จะเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองบ้างหรือยัง? มาแลกเปลี่ยนวิธีของคุณที่ทำให้คุณไปถึงเป้าหมายกันเถอะ”